ซาดิโอ มาเน่ : การอำลาทีมของดาวยิงเซเนกัลส่งผลกับลิเวอร์พูลอย่างไร?
การย้ายออกจากทีมของดาวยิงคนสำคัญเป็นสิ่งที่หาอะไรแทนที่ไม่ได้
แม้ว่าตอนนี้ลิเวอร์พูลเพิ่งจะเซ็นสัญญาคว้าตัวดาร์วิน นูเญซ กองหน้าตัวเก่งทีมชาติอุรุกวัยมาจากเบนฟิก้า แต่การอำลาทีมของ ซาดิโอ มาเน่ นั้นเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจยอมรับได้ของสาวก “หงส์แดง” อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณบอกว่าดาวยิงแอฟริกันรายนี้เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน เพราะแม้ว่าทีมจะเพิ่งได้ตัวยอดดาวยิงที่ทั้งยุโรปต้องการมาร่วมทีมได้สำเร็จ แต่มันก็ไม่สามารถทดแทนส่วนที่ต้องขาดหายไปของศูนย์หน้าคนก่อนได้เลย และนี่คือสถานการณ์ที่ลิเวอร์พูลต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้
ศูนย์หน้าทีมชาติเซเนกัล ตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพบาเยิร์นมิวนิค และทำให้ส่วนสำคัญของหนึ่งในชุดทีมแนวรุกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเวทีพรีเมียร์ลีกต้องขาดหายไป หลังจากที่เจ้าตัวฝากผลงานอันยอดเยี่ยมเอาไว้ที่การทำ 120 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 269 เกมและช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์เมเจอร์ทุกรายการมาครองได้ทั้งหมด
BBC Sport สื่อชื่อดังจากอังกฤษได้เริ่มทำการวิเคราะห์ว่าการบอกลาทีมของหัวหอกเซเนกัลนั้นจะส่งผลอย่างไรกับ “หงส์แดง” และทีมดังแห่งถิ่นแอนฟิลด์จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบทีมไปแบบไหนเมื่อขาดนักเตะคนสำคัญแบบนี้
หลังจากสิ้นสุดฤดูกาลที่ผ่านมาข่าวต่าง ๆ ก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้ไม่มีการยืนยันเรื่องการขยายสัญญาของ Sadio Mane , โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโรเบร์โต เฟอร์มิโน ทริโอ้ในเกมรุกและกำหลักของทีม ซึ่งสัญญาของพวกเขาจะสิ้นสุดลงในปี 2023 จนทำให้เชื่อว่าหนึ่งในสามคนนี้จะย้ายทีมออกไป
แม้ว่าซาลาห์จะทำการยืนยันว่าเจ้าตัวจะอยู่กับทีมต่อไปในซีซั่นหน้า ก่อนศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศกับเรอัล มาดริด จะเริ่มต้นขึ้น แต่ Mane นั้นไม่ได้พูดอะไรถึงอนาคตของเขาและทำให้ลิเวอร์พูลต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก
การย้ายออกจากทีมของ Mane นั้นเป็นเหมือนกับภาพสะท้อนในช่วงการเข้ามาคุมทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ ในช่วงปีแรก ๆ กับลิเวอร์พูล ก่อนที่จะพาทีมเฉิดฉายในช่วงเวลาต่อมา เนื่องจาก Mane เป็นนักเตะคนสำคัญคนแรกที่คล็อปป์ดึงตัวมาร่วมทีม โดยย้ายมาจากเซาท์แธมป์ตันด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์ในปี 2013
ในฤดูกาลแรกเขาทำไปได้ทั้งหมด 13 ประตูและช่วยให้ “หงส์แดง” ได้กลับไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกหลังจากพลาดท่ามาใน 2 ซีซั่นก่อนหน้า ก่อนจะเริ่มต้นสร้างประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จกับต้นสังกัดอย่างต่อเนื่อง โดยช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ถ้วยใบใหญ่สูงสุดของยุโรปได้สำเร็จในอีก 2 ปีต่อมา ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของอังกฤษได้สำเร็จในอีก 12 เดือนหลังจากนั้นหลังสโมสรต้องห่างจากถ้วยใบนี้มาอย่างยาวนานถึง 30 ปี
นอกจากนั้นยังช่วยทีมให้เข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกได้อีก 2 ครั้งแม้จะต้องจบด้วยรองแชมป์ รวมไปถึงรองแชมป์ลีกอีกสองคน รวมไปถึงฤดูกาล 2021-22 ที่พวกเขาเป็นดับเบิ้ลแชมป์หลังคว้าแชมป์เอฟเอคัพ และลีกคัพมาครองได้สำเร็จ
หลังจากที่ Mane ย้ายมาร่วมทัพได้หนึ่งฤดูกาล ลิเวอร์พูลได้ซื้อตัวซาลาห์และเฟร์มิโนเข้ามาตามลำดับ ก่อนที่ทั้งสามคนจะกลายเป็นหนึ่งในทริโอ้ในเกมรุกที่แข็งแกร่งที่สุดของประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยช่วยกันถล่มตาข่ายไปทั้งหมด 338 ประตูจากการลงสนามทุกรายการร่วมกันทั้งหมด 5 ซีซั่น
ในช่วงเวลาดังกล่าว หัวหอกเซเนกัลได้แสดงให้เห็นความสามารถในการเล่นเกมรุกได้หลายตำแหน่ง โดยเริ่มต้นจากฝั่งขวาในช่วงซีซั่นแรก ก่อนจะสลับไปเล่นที่ฝั่งซ้ายเพื่อให้เข้าแผนกับซาลาห์และปรับมาเล่นเป็นกองหน้าตัวกลางในช่วงท้ายกับลิเวอร์พูลอีกที
ลิเวอร์พูลต้องก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยนักเตะที่แตกต่างออกไป
แม้ว่าลิเวอร์พูลมีแนวโน้มที่จะเสีย ซาดิโอ มาเน่ ซาลาห์และเฟร์มิโน่ ออกไปทั้งหมดในปีหน้า แต่คล็อปป์เองก็เตรียมความพร้อมสำหรับสิ่งเหล่านี้เอาไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว หลังคว้าตัวดิโอโก โจตา และหลุยส์ ดิอาซ เข้ามาเสริมทีมอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงอนาคตไกลอย่างฟาบิโอ คาร์วัลโญ และล่าสุด นูเญซที่ที่มาเติมเต็มตำแหน่งที่หายไปของกัปตันทีมชาติเซเนกัล ซึ่งในรายของสองคนก่อนหน้าได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาพร้อมรับช่วงต่อในฐานะหัวใจเกมรุกของทีม ทำผลงานให้กับแผนของนายใหญ่ชาวเยอรมันได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของแนวรุกยุคใหม่ของลิเวอร์พูลที่อนาคตค่อนข้างสดใสเช่นกัน
อ่านบทความอื่น ๆ ของเราได้ที่นี่
